รูปแบบการเดิมพันบาคาร่า
การวางเดิมพัน |
ความหมาย |
อัตราต่อรอง |
Player |
ทายว่าแต้มรวมไพ่ของฝั่ง Player จะเป็นผู้ชนะ |
1 : 1 |
Banker |
ทายว่าแต้มรวมไพ่ของฝั่ง Banker จะเป็นผู้ชนะ |
1 : 0.95 |
Tie Game |
ทายว่าแต้มรวมของทั้งสองฝั่งจะออกเสมอ |
1 : 8 |
Player Pair |
ทายว่าไพ่สองใบแรกของฝั่ง Player จะออกไพ่คู่ |
1 : 11 |
Banker Pair |
ทายว่าไพ่สองใบแรกของฝั่ง Banker จะออกไพ่คู่ |
1 : 11 |
กฏกติกาบาคาร่า
- แบบหัก 5% : วิธีเล่นบาคาร่า แบบหัก 5% นี้ ถ้าผู้เล่นเลือกเดิมพันฝั่ง Banker แล้วผลออกมาชนะ
เงินรางวัลที่ได้จะถูกหักค่า commission 5% ยกตัวอย่างเช่น วางเดิมพันฝั่ง Banker 100 บาท และชนะ
จะได้เงินรางวัลแค่ 95 บาท แต่ถ้าแทงฝั่ง Player 100 บาทและ Player ชนะ จะได้ 100 บาทเต็ม
- แบบไม่มีค่า commission : วิธีเล่นบาคาร่า แบบไม่มีค่า ommission นี้ ถ้าผู้เล่นเลือกเดิมพันฝั่ง Banker
แล้ว Banker ชนะที่ 6 แต้ม จะได้เงินรางวัลแค่ครึ่งเดียว (50%) แต่ถ้าชนะด้วยเเต้มอื่นจะได้เงินรางวัลเต็ม
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าวางเดิมพันฝั่ง Banker 100 บาท แล้วผลที่ออกคือ Banker 6 แต้ม Player 2 แต้ม จะเห็นว่า
Banker ชนะที่ 6 แต้ม ผู้เล่นจะได้เงินรางวัล 50 บาท แต่ถ้าผลที่ออกเป็น Banker ได้ 7 แต้ม Player ได้ 4
แต้ม ผู้เล่นจะได้เงินรางวัล 100 บาท
วิธีการเล่นบาคาร่า
- ผู้เล่นต้องเลือกวางเดิมพันว่าจะเดิมพันแบบไหน โดยในแต่ละรอบเกมจะมีเวลาในการวางเดิมพัน 25 วินาที
เมื่อหมดเวลาจะไม่สามารถวางเดิมพันเพิ่มเติมได้
- ผู้เล่นสามารถเลือกวางเดินพันได้ตั้งแต่ 5 บาท ไปจนถึง 20,000 บาท
- ในการเล่นบาคาร่า จะมีตารางสถิติบาคาร่าให้ผู้เล่นได้ดู เพื่อประกอบการตัดสินใจ
โดยในตารางสถิติจะเป็นการบันทึกการออกของเกมทั้งหมด จะมีให้เลือกดู 3 แบบ คือ แบบ BT , HK และ HK2
- เมื่อดีลเลอร์ทำการเปิดไพ่ จะแสดงผลการออกของไพ่ทางหน้าจอของเกม และจะมีการคิดผลแพ้ชนะให้เลยทันที
วิธีเล่นบาคาร่า เบื้องต้น
แต้มของไพ่บาคาร่า : แต้มของไพ่บาคาร่าแต่ละใบจะมีความหมายตามตัวเลขที่ปรากฏบนหน้าไพ่ ยกเว้นไพ่ 10 , J , Q ,
K ที่จะมีแต้มเป็น 0 และไพ่ A ที่จะมีแต้มเป็น 1 โดยสามารถดูได้จากรูปภาพด้านล่าง
การนับแต้มไพ่ : การนับแต้มไพ่ จะนำแต้มของไพ่บาคาร่าทั้ง 2 ใบมาบวกรวมกัน (ในกรณีที่มีการจั่วไพ่ใบที่ 3
การนับแต้มก็จะนำแต้มของไพ่ทั้ง 3 ใบมารวมกัน) โดยแต้มของไพ่บาคาร่าคือตัวเลขท้ายสุดของผลรวม ยกตัวอย่างเช่น
- ไพ่ใบแรกเป็น 9 ไพ่ใบที่สองเป็น 8 ผลรวมของไพ่ทั้งสองใบคือ 9 + 8 = 17 แต้มของไพ่ชุดนี้จะเป็น 7
- ไพ่ใบแรกเป็น 8 ไพ่ใบที่สองเป็น A ผลรวมของไพ่ทั้งสองใบคือ 8 + 1 = 9 แต้มของไพ่ชุดนี้คือ 9
- ไพ่ใบแรกเป็น 10 ไพ่ใบที่สองเป็น 9 ผลรวมของไพ่ทั้งสองใบคือ 10 + 9 = 19 แต้มของไพ่ชุดนี้คือ 9
- ไพ่ใบแรกเป็น J ไพ่ใบที่สองเป็น 7 ไพ่ใบที่สามเป็น 4 ผลรวมของไพ่ทั้งสามใบคือ 0 + 7 + 4 = 11
แต้มของไพ่ชุดนี้คือ 1
กติกาการจั่วไพ่ใบที่ 3
เนื่องจาก วิธีเล่นบาคาร่า จะทำการแจกไพ่ให้กับฝั่ง Player ก่อน ดังนั้นในกติกาการจั่วไพ่ใบที่ 3
จึงต้องพิจารณาที่แต้มรวมไพ่สองใบแรกของฝั่ง Player ก่อน ว่ามีแต้มเป็นเท่าไหร่ แล้วจึงพิจารณาดูว่า จะอยู่
หรือจั่วไพ่เพิ่ม ตามกฏของการจั่วไพ่ และหากว่าฝั่ง Player มีการจั่วไพ่ใบที่ 3
ก็ต้องดูเพิ่มว่าจั่วได้ไพ่อะไร หลังจากนั้นจึงค่อยไปพิจารณาต่อว่าฝั่ง Banker จะต้องจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่
โดยรายละเอียดของกฏกติการการจั่วไพ่ใบที่ 3 มีดังนี้
ข้อสังเกต
- ถ้าแต้มรวมไพ่สองใบแรกของฝั่ง Player เป็น 0 – 5 จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ
แต่ถ้าแต้มรวมไพ่สองใบแรกได้แต้มตั้งแต่ 6 แต้มขึ้นไป จะอยู่ ไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม
- ถึงแม้ว่าฝั่ง Banker จะมีแต้มรวมไพ่สองใบแรกเพียง 3 แต้ม แต่ถ้าฝั่ง Player จั่วไพ่ใบที่สามได้ 8
ไม่ว่าผลรวมของไพ่สามใบของฝั่ง Player จะเป็นเท่าไหร่ก็ตาม ฝั่ง Banker จะไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม
- ถึงแม้ว่าฝั่ง Banker จะมีแต้มรวมของไพ่สองใบแรกเป็น 6 แต้ม แต่ถ้าฝั่ง Player จั่วไพ่ใบที่สามได้ 6 หรือ
7 ไม่ว่าแต้มรวมของไพ่สามใบของฝั่ง Player จะเป็นเท่าไหร่ ฝั่ง Banker จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ
- กรณีการจั่วไพ่ใบที่สามของฝั่ง Banker จะค่อนข้างซับซ้อนมากกว่าของฝั่ง Player
ตารางต่อไปนี้จะช่วยให้สามารถจดจำกฏการจั่วไพ่ของฝั่ง Banker ได้มากขึ้น